เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง
ครั้งหนึ่งในชีวิต ทั้งตี-ทั้งฟันไม่ว่า ไม้-มีด หรือของแข็งใดๆ ก็ไม่ระคายผิว
นาย
ผมรู้สึกเพียงว่าโดนของแข็งน่าจะเป็นไม้ตี เข้าอย่างแรงที่ข้างขมับ ผมเหลือบมองไปที่การ์ดผม ก็เห็นว่ากำลังโดนรุมและหลังจากนั้น ทั้งหมัดทั้งรองเท้ามาจากไหนไม่ทราบได้(แบบโดนทั้งตัว) เวลานั้นคิด อย่างเดียวว่าต้องสู้ไม่งั้นต้องตายแน่เพราะอะไรก็ไม่รู้ มันรุมมาที่ร่างกาย จนนับไม่ทันว่าโดนตรงไหนบ้าง ไม่ถึงอึดใจก็รู้ว่าหนึ่งในนั้นใช้อาวุธมีดฟัน เข้ามา ผมป้องกันตัวโดยใช้ท่อนแขนรับมีดเอาไว้ ในเวลานั้นการ์ดผมถูกทำร้ายจนหมดสติไปแล้ว เหลือผมเพียง คนเดียวที่ยังรู้สึกตัวแต่ก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ หลังจากที่คนร้ายใช้มีดฟันผมแล้วก็พากันวิ่งเผ่นหนีขึ้นรถยนต์ไป
ผมได้พาการ์ดผมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์ให้ผมนอน พักรักษาตัวเนื่องจากมีอาการสมองบวม-กระบอกตาได้รับการกระทบ กระเทือนหนัก ตามร่างกายบอบช้ำ ส่วนการ์ดหลังจากที่ผมพาไปพบ แพทย์ก็รู้สึกตัว ไม่มีบาดแผลรุนแรงมีเพียงการบอบช้ำตามร่างกายเท่านั้น ส่วนตัวผมเองต้องนอนรักษาตัวอยู่ 4 วัน แพทย์จึงอนุญาตให้ออก จากโรงพยาบาลได้ แต่ก็เข้าไปพบแพทย์เป็นระยะตามที่นัด การรักษาตัวเป็นไปอยู่ราวเดือนครึ่งร่างกายจึงสมบูรณ์ดังเดิม แต่ บาดแผลที่เกิดจากการถูกทำร้ายยังคงเป็นแผลอยู่ที่บริเวณหางตาและซ้าย ที่ถูกเก้าอี้ฟาดและต้นแขนซ้ายที่ถูกมีดฟัน เป็นรอยไหม้ยาวแต่หนังไม่ขาด
หลังจากที่หายจากการพักฟื้น ผมได้ให้การ์ดพามาเที่ยว อ.พิมาย ประเทศไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของการ์ดเพื่อไปทำบุญ บังเอิญไปพบหมอดูท่านหนึ่งท่านบอกว่าที่ผ่านมาพบกับเหตุร้ายแรง และที่รอดมาได้นั้น เพราะมีของดีอยู่ในตัวไม่เช่นนั้นต้องตายไปแล้ว ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าเคยไปสักยันต์กับอาจารย์หนู กันภัยที่ จ.ปทุมธานี ผมจึงให้การ์ดพาผมกลับมาพบอาจารย์หนูที่สำนักสักยันต์อีก ครั้ง และทำให้เวลานี้ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าที่ผมรอดจากความตายมาได้ นั้นไม่ใช่ฟลุ๊ค แต่เป็นปาฏิหาริย์ของยันต์อาจารย์ที่สักลงที่หลังให้ผม ไม่เช่น นั้นผมคงไม่ได้มานั่งเล่าเรื่องที่ผ่านมาครั้งนั้น ในวันนี้ได้